เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปตามฤดูกาล เพื่อทดแทนข้าราชการที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 ก.ย. นี้ โดยปีนี้ มีอธิบดีเกษียณ 1 คน และ ผวจ.เกษียณ 9 คน สำหรับตำแหน่งที่สำคัญ คือนายธนาคม จงจิระ
ซึ่งได้ย้ายมาจากรองปลัดไปเป็นอธิบดีกรมการปกครองแทน ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต ที่เกษียณอายุราชการ โดยนายธนาคมถือว่า มีความอาวุโสอยู่ในระนาบเดียวกันกับอธิบดีคนอื่น และได้เข้ามาช่วยงานในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมา 1 ปีแล้ว และในด้านสายงานก็รับราชการตั้งแต่เป็นปลัดอำเภอ นายอำเภอ ปลัดจังหวัดตามสายงานปกครอง จึงถูกวางตัวไว้ในตำแหน่งนี้
สำหรับนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีสถ. ที่ถูกโยกไปนั่งเป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นความประสงค์ของนายสุทธิพงษ์เองที่อยากทำงานด้านชุมชนเข้มแข็งและงานโอท็อป รวมถึงจะช่วยพัฒนาบทบาทสตรีโดยที่ภริยานายสุทธิพงษ์เป็นประธานสภาสตรีแห่งชาติด้วย
ประกอบกับมีแรงกระแทกสูงจากบรรดาผู้นำท้องถิ่น ด้านนายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมที่ดิน ที่ย้ายไปเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนั้น เป็นที่ไว้วางใจของรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงให้มาดูแลเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนายประยูรมีประสบการณ์การทำงานด้านการเลือกตั้ง ตั้งแต่สมัยที่งานการเลือกตั้งยังอยู่กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
นอกจากนี้ยังมีความอาวุโส และสไตล์การทำงานประนีประนอม สามารถประสานงานกับผู้นำท้องถิ่นได้ ส่วนนายสมคิด จันทมฤก ผวจ.สมุทรสาคร ที่ย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงนั้น ถือว่ามีความเหมาะสมเพราะโตมาจากสายวิชาการ และรู้กลไกการบริหารงานในกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างดี เพราะช่วยงานอยู่ในกระทรวงมาตลอด ทั้งงานบริหารบุคคลและงานแผน
สำหรับกรณีที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ปรับขึ้นตำแหน่ง ผวจ.จำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นนโยบายของผู้บริหารในยุคนี้ที่ให้ผู้ตรวจมาจากรองผวจ.แล้วดันขึ้นเป็นผู้ตรวจเพื่อเรียนรู้งานก่อน แล้วจึงค่อยขยับขึ้นเป็นผวจ.จะไม่มีการลงโทษผวจ.เพื่อเข้ามาเป็นผู้ตรวจฯ เหมือนอย่างในอดีต
ทั้งนี้ มีหลายจังหวัดที่มีการปรับเปลี่ยนจากทางการเมือง เช่น กรณีที่สลับ ผวจ.สงขลา ไปอยู่ จ.สตูล นั้นเป็นเพราะทำงานไม่เข้าตา กลุ่มการเมือง หรือกรณี ที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยาไปอยู่ จ.ลำปาง ก็เพราะนายณรงค์ศักดิ์เป็นคนที่ตรงไปตรงมาเกินไป ทำให้ทำงานกับฝ่ายการเมืองได้ยาก
ข้อมูลข่าวจาก ข่าวสด
